5 แนวทางแก้นิสัยเจ้าอารมณ์ให้เปลี่ยนเป็นคนใจเย็นขึ้น

[dsmol19]

5 วิธีแก้นิสัยคนขีโกรธให้กลายเป็นคนใจเย็น(กว่าเดิม)

1. ระงับคำบอกเล่ารวมทั้งความประพฤติปฏิบัติในยามที่โกรธเป็นหากมีความคิดว่า อารมณ์กำลังพลุ่งพล่าน


ให้สงบนิ่งไว้ จำไว้เสมอว่า...ความคิดอะไรก็แล้วแต่คำกล่าวอะไรก็แล้วแต่พฤติกรรมอะไรก็ตามถ้าหากมีขึ้นในยามโก รธ


มักเป็นไปในทางทำลายรุ นแร งอาจหนำใจเดี๋ยวเดียว แต่ท้ายที่สุดจะไม่เป็นผลดี

ก ฏเหล็กพื้นฐานที่จำเป็นต้องทำให้ได้คือ...พวกเราจะไม่กล่าวหรือทำอะไรเด็ดข าดในย ามที่โกร ธ

คอยให้ใจเย็นก่อน หายโก รธก่อนแล้วค่อยว่ากัน

2. พินิจพิเคราะห์โท ษของความโก รธแล้วก็ประโยช์จากความเมตตากรุณาคือให้ย้อนคิดถึงชีวิตก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ว่าเราเสียอะไรไปบ้างเพราะความโก รธทำผู้ใดเสียใจกี่คน ทำลายโอกาสได้ไปเท่าใด

ทำลายความสัมพันธ์ไปยังไงสิ่งกลุ่มนี้ให้น้อมมาคิดเสมอๆคิดซ้ำให้มากมายๆ


พิจารณาจนใจสารภาพ หมดข้ออ้างอย ากปรับปรุงแก้ไขตนเองด้วยความเต็มใจ


ด้วยเหตุว่าเชื่อมั่นแล้วว่า ความขุ่นเคืองไม่ใช่ของดีแต่ว่าเป็นสิ่งที่ทำลายความสุขและก็ความเจริญก้าวหน้า

อีกทั้งของเรา ผู้ที่เรารัก รวมทั้งผู้ที่รักพวกเราไม่มีใครได้อะไรเลยจากความโก รธ

ธรรมชาติมนุษย์พวกเรารังเกียจให้คนไหนมาสั่งเท่าที่เรายังไม่ต กผลึ กยอมแพ้ด้วยตนเองว่า

ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองคนไหนจะพูดคนใดกันจะบอกจะสอนก็ย ากยิ่งที่คนเราจะเปลี่ยนแปลง

แบบนี้แล้ว พวกเราก็เลยต้องประพฤติตัวเป็นคุณครูของตนเองเพื่ออบรมตนเองให้เห็นพิ ษภั ยของความโก รธไม่ชอบอารมณ์ทำลาย

3. สร้างความสบายนิดๆหน่อยๆให้คนอื่นๆจนถึงเป็นนิสัยเป็นให้รู้จักสรรเสริญ ให้กำลังใจผู้คนเป็นประจำ

เมื่อทำให้เขามีความสุขแล้วให้เรารู้จักเอาใจไปสัมผัสความรู้สึกนั้นเรียกว่า ให้จิตใจเราจับใจ

กับความรู้สึกที่เย็นใจอยู่เสมอพวกเราอาจจะลองเปรียบเทียบกันมองก็ได้ว่าอารมณ์รูปแบบนี้ กับอารมณ์ในยามที่โก รธ

แบบไหนดีมากกว่ากันหากหัวใจพวกเราคุ้นกับความรู้สึกที่ดีมันจะค่อยๆระอาความโกรธเคืองไม่ชอบชิ งชั งไปทีละน้อย

ในข้อนี้เป็นการแ ก้กิเล สด้วยกุศ ลฝ่ายตรงข้ามหากความโกรธเป็นด้านมืดในที่นี้ด้านสว่างก็คือความกรุณา

พวกเราบางทีอาจเฉดหัวไล่ความมืดไม่ได้แต่ว่าถ้าเราจุ ดไ ฟได้ ความมืดจะหายไปและความสว่างจะเข้ามาแทนที่

ภาษาธรรมเรียกสิ่งนี้ว่า การทวนกระแสกิเล สคือใช้ธรรมคู่ตรงกันข้ามมาจัดแจงกิเล สให้เบาบาง


4. ฝึกฝนดูความรู้สึกด้วยความบริสุทธิ์ใจที่เป็นกลางในข้อนี้เป็นธรรมะชั้นลึก เป็นการเจริญรุ่งเรืองสติ


คือเราฝึกฝนมองอารมณ์ต่างๆของเราด้วยใจจริงที่เป็นกลางเหมือนความนึกคิดความรู้สึกนั้นไม่ใช่เรา

พอใจก็ไม่เข้าไป เสียใจก็ไม่เข้าไปคนชื่นชอบก็วางไว้ คนนินทาก็วางไว้ฝึกฝนให้มีความเห็นว่าอารมณ์ความคิดกลุ่มนี้

แม้ดวงใจเราเข้าไปยึดในที่สุดก็ไม่ดีทั้งหมดด้วยเหตุว่ายึดข้างหนึ่ง อีกข้างก็จะตามมาด้วยเสมือนในกำเหรียญเอาไว้ภายในมือ

ก็จะได้ทั้งหัวอีกทั้งก้อยมาในคราเดียวรักสุขก็จะได้ทุ กข์เป็นของแถมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในข้อนี้แม้ฝึกหัดเสมอๆเว้นเสียแต่ความขุ่นเคืองแล้วยังช่วยกำจัดตัดทอนพลังความคิดด้านล บได้ทั้งหมด

ตัวอย่างเช่นความซึมเศร้าความเปล่าเปลี่ยวความเบื่อต่างๆจิตใจจะเป็นกลาง หนักแน่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ

5. รู้จักอยู่ รู้จักข้อเสียจุดแข็ งของตนเองคือให้รู้จักสังเกตตนเองถ้าหากเราโก รธคนไหนกันแน่บ่อยๆ

เวลาอยู่ใกล้ก็ให้ระวังบางครั้งบางคราว กับคนบางบุคคลให้สังเกตดูเถิดว่า เราก็โกรธเขา

โกรธคนๆนี้ จนกลายเป็นความเคยชินเพียงเห็นหน้ายังไม่ทันทำอะไร

หัวใจก็วูบๆไหวๆความอารมณ์เสียก็เริ่มเข้ามาตรงนี้ควรหลบหลีกการปะทะทั้งนี้ในเรื่องที่เลี่ยงมิได้จริงๆ

เช่นเป็นคนภายในครอบครัว เป็นผัวภรรย าเป็นลูก เป็นนายจ้าง ลูกน้อง เพื่อนเกลอ แบบนี้ก็ให้ยกเอาสิ่งที่เขาทำขั ดใจพวกเรา

มาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการฝึกฝนจิตใจของพวกเรา ฝึกฝนอภั ยดียิ่งกว่าปล่อยใจของเราให้ต กต่ำไป

เพราะมัวแต่ทะเลาะกับเขาให้เอาความขัดแย้ งนั้นมาบ่มเพาะความรัก เมตตาขอให้พวกเรารับรู้ไว้ว่า ส่วนมากแล้ว

ถ้าเกิดไม่ตรงกันแต่ว่ามีความสำคัญจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันตัดกันไม่ข าด แย กกันไม่ข าดสิ่งนี้มักเกิดขึ้นจากมีบุญก ร ร ม

ชมรมร่วมกันมานานกลายเป็นแรงก ร ร มผูกพัน ผู กรั้งไม่ให้ไปไหนอย่างงี้ยิ่งจำต้องรู้จักระวัง ระงับ สำรวม

อย่าไปสร้างกรรมให้กันและกันมากขึ้นการเป็นคนโมโหง่าย ไม่มีอะไรดีมีแต่ว่าเสียคุณประโยชน์ เสียอีกทั้งสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางร่างกายดวงใจ

ทำลายความสัมพันธ์ ทำลายหน้าที่การงานทำลายบารมีในตนกลายเป็นคนที่สร้างความทุ กข์ให้คนอื่นๆ

รวมทั้งตัวเองก็ใส่ความสุขได้ย าก5 ข้อนี้ ฝึกฝนแรกๆจะทำเป็นย ากแม้กระนั้นขอให้อดทนฝึกทำทุกข้ออย่างสม่ำเสมอ

สำคัญคือควรจะมีแรงใจ และก็ระเบียบฝึกแรกๆอย่าปล่อยใจตามความเคยชินของตนสุดท้ายแล้วเราควรมีความรู้ความเข้าใจว่า

การลดพยายามอนัตตาของตนเองลดความโมโหชิงชังของตนเองเรามิได้ทำเพื่อคนใดกันแต่เราทำเพื่อยกฐานะจิตใจของตน

เพื่อความสบายของเราเองจริงอยู่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย แม้กระนั้นหากทำได้วันหนึ่ง รู้จะสัมผัสถึงความเบาใจของชีวิต

มีชีวิตที่ค่อยขึ้น สบายขึ้นถึงวันนั้นพวกเราจะยินดี และก็รู้สึกขอบคุณมากตัวเองรู้สึกกระหยิ่มใจว่า เราสามารถผ่านผ่านตัวตนเก่าๆ

ไปสู่ตัวตนใหม่ที่ดีมากยิ่งกว่าเดิมและสิ่งนี้เป็นการมอบความรักและความกรุณาปรานีให้ตัวเองอย่างแท้จริง...

แก้นิสัย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12886/